วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นกเขา

วงศ์นกเขา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นกพิราบและนกเขา
นกพิราบ (Columba livia domestica) ขณะบิน
นกพิราบ (Columba livia domestica) ขณะบิน
วงศ์นกเขา เป็นวงศ์ของนกที่ประกอบไปด้วยนกจำพวกนกเขาและนกพิราบ มีประมาณ 300 ชนิด มีการกระจายพันธุ์ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตชีวภาพอินโดมาลายา (Indomalaya) และ ออสทราลาเซีย (Australasia)
นกในวงศ์นี้มีลำตัวอ้วนกลม คอสั้น ปากเรียวมีปุ่มเนื้อเหนือปาก สร้างรังจากกิ่งไม้ บนต้นไม้ เชิงผา หรือบนพื้นดินขึ้นกับชนิด วางไข่ 1-2 ใบ พ่อและแม่ช่วยกันเลียงลูก ออกจากรัง 7 - 28 วัน[1] กินเมล็ดพืช และผลไม้เป็นอาหาร

[แก้] สกุล

วงศ์ Columbidae
นกเขาเขียว, Chalcophaps indica นกพื้นเมืองของเอเชียใต้และออสเตรเลีย
นกชาปีไหน, Caloenas nicobarica
นกพิราบหางพัด
  • วงค์ย่อย Columbinae
    • สกุล Columba รวมถึง Aplopelia (33-34 สปีชีส์ที่ยังอยู่, 2-3 สปีชีส์สูญพันธุ์แล้ว)
    • สกุล Streptopelia รวมถึง Stigmatopelia และ Nesoenas (14-18 สปีชีส์ที่ยังอยู่)
    • สกุล Patagioenas เดิมรวมอยู่ใน Columba (17 สปีชีส์)
    • สกุล Macropygia (10 สปีชีส์)
    • สกุล Reinwardtoena (3 สปีชีส์)
    • สกุล Turacoena (2 สปีชีส์)
  • วงค์ย่อย N.N.
    • สกุล Turtur (5 สปีชีส์; ไม่แน่นอน)
    • สกุล Oena ( ไม่แน่นอน)
    • สกุล Chalcophaps (2 สปีชีส์)
    • สกุล Henicophaps (2 สปีชีส์)
    • สกุล Phaps (3 สปีชีส์)
    • สกุล Ocyphaps
    • สกุล Geophaps (3 สปีชีส์)
    • สกุล Petrophassa (2 สปีชีส์)
    • สกุล Geopelia (3–5 สปีชีส์)
  • วงค์ย่อย Columbininae
    • สกุล Columbina (7 สปีชีส์)
    • สกุล Claravis (3 สปีชีส์)
    • สกุล Metriopelia (4 สปีชีส์)
    • สกุล Scardafella อาจเป็นส่วนหนึ่งของ Columbina (2 สปีชีส์)
    • สกุล Uropelia
  • วงค์ย่อย Otidiphabinae
  • วงค์ย่อย Didunculinae
  • วงค์ย่อย Gourinae
    • สกุล Goura (3 สปีชีส์)

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นกแก้ว

นกแก้ว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Psittacus torquata) แยกออกเป็นชนิดต่าง ๆ ได้มากกว่า 500 ชนิด มีพื้นเพที่อยู่อาศัยตั้งเดิมอยู่ในป่าทึบ ในเขตร้อนของประเทศ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หมู่เกาะมลายู แอฟริกา ทางใต้ของทิศ เหนือของอเมริกา อินเดีย นอกจากนี้แล้วยังพบทางแถบตะวันตกของอินเดียโดยทั่วไป นกในตระกูลนกแก้วนั้น มักมีความแตกต่างไปจากนกตระกูลอื่นอยู่อย่างหนึ่ง คือ จงอย ปากตอนบนของนกแก้วสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่รวมกับหน้าผาก (ขากรรไกร) และมี ลักษณะเด่นได้แก่ ปากคมแข็ง จงอยปากงุ้มเข้าโคนใหญ่ปลายแหลมน่ากลัว เท้ามีนิ้วข้าง หลังสองนิ้วและข้างหน้าสองนิ้วทุกนิ้วมีเล็บที่แหลมคม สามารถใช้เท้าจับกิ่งไม้ได้เหนียวแน่น ปีนป่ายคันไม้ได้เก่งเป็นพิเศษ และในบางโอกาสยังสามารถจับฉีกอาหารได้ด้วย ปาก ส่วนใหญ่เป็นสีแดง ขนเป็นสีเขียว สามารถ นำมาฝึกสอนให้พูดภาษาของมนุษย์ได้แทบทุกชนิด
สำหรับรังและที่อยู่อาศัยของนกแก้วโดยทั่วไปมักอยู่ตามในโพรงไม้ หรือโพรงหิน ไม่นิยมใช้วัสดุต่าง ๆ ทำรัง นกจากนกแก้ว เควเคอร์(Quaker Parrakeet) และ นกแก้ว อัฟเบริด์ (Lovebirds) นกแก้วทั้ง 2 ชนิดนี้ นิยมทำรังโดยใช้แขนงหรือกิ่งไม้เล็ก ๆ เศษ หญ้า เปลือกไม้โดยนำมาสานประกอบขึ้นเป็นรังเป็นนกปากงุ้มเป็นขอในวงศ์ Psittacidae ตัวสีเขียว ปากแดง อยู่รวมกันเป็นฝูง กินเมล็ดพืชและผลไม้ ในประเทศไทยมีหลายชนิด เช่น นกแก้วโม่ง (Psittacula eupatria) แก้วหัวแพร (P. roseata) นกมาคอว์ อาหารที่ชอบกินคือผลไม้ โดยนกแก้วมีหลายชนิดและมีสีสดใส ส่วนมากเราจะเห็นนกแก้วมีสีแดง สีน้ำเงิน สีฟ้า
นกที่คนไทยชอบเลี้ยงมาแต่โบรานมีนกแก้วรวมอยู่ด้วย เพราะนกแก้วสามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้ กล่าวกันว่ามันมีความจำดี เรียนรู้ได้เร็ว ถ้าพูดอะไรให้ฟังบ่อยๆก็สามารถพูดได้ กล่าวกันว่าเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยกทับไปบุกอินเดียได้ทอดพระเนตรเห็นนกแก้วเข้า ก็ชอบพระทัยได้ทรงนำกลับยุโรปด้วย และในไม่ช้าก็เป็นที่นิยมมาก ด้วยเหตุนี้ในสมัยนั้นนกแก้วจึงมีราคาแพงมาก จึงได้มีการค้าขายนกแก้วทั้งในยุโรปและเอเชีย การที่คนเราชอบเลี้ยงนกแก้วนั้นเห็นจะเป็นเพราะเหตุ 4 ประการ
  1. นกแก้วมีสีสวย รูปร่างงดงาม
  2. สามารถพูดเลียนภาษามนุษย์ได้
  3. เลี้ยงง่าย
  4. อายุยืน อย่างในเรื่อง Popular Pet Birds ของ R.P.N. Sinha กล่าวว่า นกแก้วมีอายุยืนมาก อาจอยู่ได้ถึง 70 ปี

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] ชนิดและพันธุ์นกแก้ว

  • ครอบครัวแพร์รัทส์ (Parrot)
  • พันธุ์คอคคาทู (Cockatoos)
  • พันธุ์มาคอว์ (Macaws)
  • พันธุ์เลิฟเบิรด์ (Lovebird)
  • พันธุ์พาร์ราคีท (Parrakeets)

[แก้] ที่อยู่อาศัยและวิธีเลี้ยง

เลี้ยงโดยให้เกาะอยู่บนคอน
ขาตั้งและคอนสำหรับนกแก้วนั้น จะทำให้นกรู้สึกอิสระและออกกำลังกายได้สะดวก คอนควร ทำด้วยวัสดุเนื้อแข็ง ถ้าคอนเป็นไม้ปลายทั้งสองควรหุ้มด้วยโลหะ มิฉะนั้นนกจะฉีกแทะเล่น ในกรณีที่นกยังไม่เชื่องพอ ควรใช้กำไลสวมข้อเท้าซึ่งติดกับโซ่สวมไว้ก่อน และควรขลิบปีก เสียข้างหนึ่งเพื่อป้องกันนกบินหนี บริเวณขนที่จะต้องตัดออกคือขนปีกชั้นที่ 1 ทั้ง 5 โดย ขลิบออกประมาณ 1 นิ้ว
เลี้ยงด้วยกรงภายใน
ในกรณีที่นกแก้วเป็นนกรูปร่างเล็ก ขนาดของกรงโดยทั่วไปแล้วไม่ควรมีขนาดกว้างสูง ต่ำ กว่า 2x3 ฟุต ขนาดของกรงนั้นจะเหมาะสมกับนกหรือไม่สังเกตได้จากเมื่อนกเกาะอยู่กลาง กรง หากนกมีโอกาสกางปีกออกได้สะดวก โดยไม่ติดกับกรงหรือคอน ก็จัดได้ว่ามีความพอดี
เลี้ยงด้วยกรงภายนอก
การเลี้ยงนกแก้วด้วยกรงภายนอกนั้นเป็นการดียิ่งสำหรับสุขภาพนก เพราะนกได้อยู่กับสิ่งแวด ล้อมคล้ายกับถิ่นเดิม อากาศโปร่งบริสุทธิ์ นกออกกำลังกายได้ตลอดเวลาแต่ต้องคำนึงถึงแสง แดดและฝน อย่าให้โดนมากเกินไป

[แก้] อาหาร

อาหารทั่วไปสำหรับเลี้ยงนกแยกออกเป็นชนิดต่างๆได้ดังนี้
  1. เมล็ดข้าวชนิดต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของเมล็ดทานตะวัน, ข้าวโอ๊ท, ข้าวสาลี, เมล็ดกัญชา, เมล็ดข้าวโพด, ถั่วลิสง, และเมล็ดข้าวอื่นๆที่กระเทาะเปลือกแล้ว
  2. ผลไม้ต่างๆ เช่น แอ๊ปเปิ้ล, กล้วย, องุ่น, ส้ม และผมไม้มุกชนิด
  3. อาหารจำพวกผักสด เช่น หัวมันเทศ, หัวผักกาด, หัวแคร์รอท, ผักโขม, หรือผักจำพวกกระหล่ำปลี, และผักในสวนครัวชนิดอื่นๆ
  4. กระดองปลาหมึก, ทราย

ที่มา

http://th.wikipedia.org/wiki/นกแก้ว